หากคุณกำลังตั้งครรภ์ หรือวางแผนที่จะตั้งครรภ์ สิ่งหนึ่งที่คุณต้องระมัดระวังก็คือการรับประทานวิตามินหรืออาหารเสริมประเภทอื่น ๆ เพราะวิตามินบางอย่างอาจก่อให้เกิดอันตรายมากกว่าผลดี ให้ผลเสียมากกว่าประโยชน์ ดังนั้นก่อนที่คุณแม่ ๆ จะเริ่มรับประทานวิตามินหรืออาหารเสริม คุณแม่จึงควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานเสมอ เพื่อความปลอดภัยและประโยชน์สูงสุดค่ะ
วิตามินและอาหารเสริมสำหรับแม่ตั้งครรภ์
ร่างกายของคุณต้องการสารอาหารที่หลากหลายเพื่อสุขภาพที่ดี เช่น วิตามิน แร่ธาตุ โปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน และไฟเบอร์ ซึ่งวิตามินเป็นสารประกอบอินทรีย์ที่ร่างกายของคุณไม่สามารถสร้างเองได้ ถึงแม้ว่าคุณจะใช้วิตามินในปริมาณที่เล็กน้อย แต่ก็ไม่สามารถขาดตัวนี้ได้เลยค่ะ นอกเหนือจากวิตามินดีซึ่งส่วนใหญ่เราจะได้รับมาจากแสงแดด แต่วิตามินส่วนใหญ่ที่คุณแม่ต้องการล้วนแล้วมาจากอาหารทั้งสิ้น วิตามินและอาหารเสริมนี้แหละค่ะที่จะเป็นสารอาหารที่อาจเติมเต็มในส่วนที่ร่างกายคุณแม่ขาดไปจากการรับประทานอาหาร ตัวอย่างเช่น วิตามินรวม น้ำมันปลา หรือ อาหารเสริมประเภทสมุนไพร เป็นต้น
วิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นในการตั้งครรภ์
โภชนาการที่ดีในการตั้งครรภ์มีความสำคัญอย่างมากต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการที่ดีของทารกน้อย คุณแม่จึงจำเป็นต้องบริโภคสารอาหารให้เพียงพอต่อความต้องการของทารกน้อยเช่นเดียวกับความต้องการของคุณแม่เองด้วยค่ะ เมื่อคุณตั้งครรภ์แน่นอนว่าคุณแม่ต้องการสารอาหารบางอย่างมากขึ้น เช่น โปรตีน โฟเลต ไอโอดีนและ ธาตุเหล็ก ซึ่งแต่ละตัวมีความจำเป็นอย่างไร ไปดูกันเลยค่ะ
โฟเลต
ช่วยป้องกันความบกพร่องของท่อประสาท เช่น ความบกพร่องของกระดูกไขสันหลัง แต่เมื่อมาอยู่ในรูปแบบของวิตามินหรืออาหารเสริมนั้น เราจะเรียกคุ้น ๆ หูว่า “กรดโฟลิก” สำหรับผู้หญิงที่วางแผนตั้งครรภ์และอยู่ในช่วง 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ แนะนำให้รับประทานอาหารเสริมกรดโฟลิกในปริมาณ 500 ไมโครกรัมทุกวัน เช่นเดียวกันกับการรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยโฟเลตตามธรรมชาติ
ไอโอดีน
มีส่วนจำเป็นอย่างยิ่งต่อการพัฒนาสมองและระบบประสาท และเป็นแร่ธาตุสำคัญที่จำเป็นสำหรับการสร้างฮอร์โมนไทรอยด์ ซึ่งมีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของทารกน้อย หากคุณแม่ได้รับไอโอดีไม่เพียงพอในระหว่างตั้งครรภ์ จะเพิ่มความเสี่ยงให้ทารกน้องมีความบกพร่องทางสมองและภาวะไทรอยด์ทำงานผิดปกติแต่กำเนิด คุณแม่ตั้งครรภ์รวมถึงคุณแม่ให้นมบุตรมีความต้องการไอโอดีนเพิ่มขึ้น แนะนำให้เสริมไอโอดีน 150 ไมโครกรับต่อวันค่ะ นอกจากนี้ในประเทศออสเตรเลีย ที่เล็งเห็นถึงการขาดไอโอดีนที่เพิ่มขึ้น ผลิตภัณฑ์หลาย ๆ ตัวจึงมาการเติมเกลือเสริมไอโอดีนเข้าไปค่ะ
ธาตุเหล็ก
ช่วยป้องกันโรคโลหิตจางในคุณแม่และทารกแรกเกิดที่มีน้ำหนักตัวน้อย ในระหว่างตั้งครรภ์นั้น คุณแม่ต้องการธาตุเหล็กเพิ่มขึ้น เนื่องจากทารกในครรภ์ที่กำลังพัฒนาจะดึงธาตุเหล็กจากแม่ไปใช้จนถึงช่วงห้าหรือหกเดือนแรกหลังคลอด การสูญเสียธาตุเหล็กจะลดลงในระหว่างการตั้งครรภ์ เนื่องจากคุณแม่ไม่มีประจำเดือนนั่นเองค่ะ ซี่งนั่นก็ยิ่งไม่เพียงพอที่จะชดเชยความต้องการของทารกในครรภ์ที่กำลังพัฒนา คุณแม่ตั้งครรภ์จึงต้องรับประทานอาหารที่มีธาตุเหล็กทุกวัน ประมาณธาตุเหล็กที่แนะนำต่อวันในระหว่างการตั้งครรภ์คือ 27 มิลลิกรัม ซึ่งมากกว่าผู้หญิงที่ไม่ได้ตั้งครรภ์ถึง 9 มิลลิกรัมต่อวัน
วิตามินบี 12
มีความสำคัญอย่างยิ่งเนื่องจากช่วยในการพัฒนาการของระบบประสาทของทารกน้อย
วิตามินดี
มีส่วนช่วยในเรื่องของโครงสร้างกระดูก และจำเป็นต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของทารกในครรภ์และสุขภาพของคุณแม่เองในระหว่างตั้งครรภ์ คุณแม่สามารถรับวิตามินดีส่วนใหญ่ได้จากแสงแดดจากดวงอาทิตย์ที่จะสร้างวิตามินดีที่ผิวหนังและเป็นแหล่งวิตามินดีจากธรรมชาติที่ดีที่สุด การบริโภควิตามินดีเพื่อเสริมจึงอยู่ในปริมาณเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และควรปรึกษาแพทย์ก่อนเสมอค่ะ
วิตามินซี
ช่วยให้การดูดซึมธาตุเหล็กจากอาหารที่คุณแม่รับประทานได้ดียิ่งขึ้น
วิตามินที่สำคัญสำหรับคุณแม่
ในประเทศออสเตรเลียจะแนะนำให้สตรีมีครรภ์ทุกคนรับประทานอาหารเสริมนั่นก็คือ กรดโฟลิกและไอโอดีน อย่างไรก็ตามคุณแม่ก็ควรได้รับสารอาหารอื่นๆที่สามารถเลือกรับประทานจากอาหารที่มีประโยชน์มากกว่าอาหารเสริมในกรณีส่วนใหญ่การรับประทานอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการที่หลากหลายควรตอบสนองทั้งความต้องการของคุณแม่และทารกน้อยแต่บางกรณีที่คุณแม่มีอาการผิดปกติแพทย์อาจจะมีการแนะนำให้รับประทานอาหารเสริมเช่น
- คุณแม่ที่รับประทานอาหารมังสวิรัติหรือเจ คุณหมออาจแนะนำให้รับประทานวิตามินบี 12 อย่างเพียงพอ
- คุณแม่ที่ไม่สามารถบริโภคอาหารจำพวกนม หรือรับประทานไม่เพียงพอ อาจต้องได้รับแคลเซียมเพิ่มเติมซึ่งมีความสำคัญของสุขภาพกระดูก
- คุณแม่ที่ขาดธาตุเหล็ก หรือธาตุเหล็กต่ำ
- คุณแม่ที่มีภาวะขาดวิตามินดี
วิตามินรวมสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์
วิตามินรวม คือการรวมกันของทั้งวิตามินและแร่ธาตุที่แตกต่างกัน โดยปกติจะรับประทานเป็นเม็ด ซึ่งวิตามินรวมบางยี่ห้อ บางชนิดได้ถูกออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ แต่ก็ยังไม่สามารถทดแทนจากอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนการได้ สิ่งสำคัญคือต้องกินเพื่อสุขภาพ แม้ว่าคุณจะรับประทานวิตามินรวมก็ตาม แต่หากคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์นะคะ ควรหลีกเลี่ยงวิตามินบีรวมที่ไม่ได้ถูกออกแบบมาสำหรับการตั้งครรภ์จะดีกว่าค่ะ
ข้อระมัดระวังของการรับประทานวิตามินบางชนิด
ร่างกายของคุณแม่ต้องการสารอาหารในปริมาณที่เล็กน้อยเท่านั้น หากบริโภควิตามินบางประเภทที่มากเกินไป อาจก่อให้เกิดอันตรายมากกว่าคุณประโยชน์ที่ได้รับ ตัวอย่างเช่น การรับประทานวิตามินเอ วิตามินบี 6 วิตามินซี วิตามินดี และวิตามินอีที่มากเกินไปอาจเป็นอันตรายได้ จึงไม่ควรรับประทานวิตามินเหล่านี้เป็นอาหารเสริมหลักในการตั้งครรภ์ นอกจากนี้ยังควรหลีกเลี่ยงอาหารที่อาจมีวิตามินเอที่สูงมาก ๆ เช่น ตับ หรือผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากตับ เช่นเดียวกัน ก่อนที่คุณแม่จะรับประทานวิตามินเสริมใด ๆ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเสมอค่ะ
อาหารเสริมอื่น ๆ ในการตั้งครรภ์
นอกเหนือจากกรดโฟลิก ไอโอดีน และอาหารเสริมที่แพทย์แนะนำแล้ว การวิจัยใหม่ ๆ แสดงให้เห็นว่าอาหารเสริมจำพวกโอเมก้า 3 ในระหว่างการตั้งครรภ์จะช่วยลดความเสี่ยงการคลอดก่อนกำหนดและโปรไบโอติกที่อาจช่วยควบคุมในเรื่องของระดับน้ำตาลในเลือดในขณะตั้งครรภ์ แต่จะแนะว่าให้คุณแม่หลีกเลี่ยงอาหารเสริมเหล่านี้ก่อนในไตรมาสแรกค่ะ
เห็นมั้ยล่ะคะว่าวิตามินและแร่ธาตุมีบทบาทสำคัญในทุกการทำงานของร่างกายไม่ว่าจะเป็นคุณแม่เองหรือทารก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระหว่างตั้งครรภ์ที่คุณแม่ต้องใช้กรดโฟลิก ธาตุเหล็ก แคลเซียม กรดไขมันโอเมก้า 3 วิตามินบี และวิตามินซี ที่มากกว่าปกติ ซึ่งหากได้รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ควบคู่ไปกับการรรับประทานวิตามินหรืออาหารเสริมก่อนคลอดทุกวันตามปริมาณที่แนะนำก็ช่วยให้ตัวคุณแม่และทารกน้อยในครรภ์เติบโตอย่างมีประสิทธิภาพค่ะ
Resources:
(1). Vitamins and supplements during pregnancy
(2). Pregnancy and diet